แนวโน้มทั่วโลกที่มีต่อรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน และเทคโนโลยีที่กำลังจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องหยุดชะงัก
ในปีที่ผ่านมาพบว่าแนวโน้มของการหยุดชะงักในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เกิดขึ้นใหม่ๆนั้นมีอยู่หลายประการและมีผลกระทบอย่างมากต่อกลุ่มผู้ผลิตและจะยังคงส่งผลกระทบต่อไปในปีพ.ศ. 2561
เริ่มต้นจากเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาประเทศนอร์เวย์เป็นชาติแรกที่ประกาศยกเลิกการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน พร้อมประกาศว่าจะให้มีการจำหน่ายได้เฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี พ.ศ. 2568 ต่อมาประเทศ อินเดีย ฝรั่งเศสและอังกฤษ ต่างก็ออกมาประกาศเจตนารมย์เดียวกันที่จะอนุญาตให้ใช้เฉพาะยานยนต์ที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษหรือรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นและกำลังเป็นแนวโน้มที่กระจายไปทั่วโลก
นักวิเคราะห์ตลาดได้เริ่มลดการให้น้ำหนักความสำคัญระยะยาวในกลุ่มผู้ผลิต ชั้นนำระดับโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมัน จำนวนมาก เนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างมากในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจากรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันสู่ระบบไฟฟ้า
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ไม่ได้ชี้ชัดว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะเกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืนแต่พวกเขาได้คาดการณ์ว่าความเปลี่ยนแปลงนี้อาจจะสร้างความเสี่ยงอย่างมหาศาลต่อผู้ผลิตอย่างมาก ดังนั้นการทำความเข้าใจเพื่อก้าวนำหน้าคู่แข่งถือเป็นความท้าทายอย่างมาก นอกจากนี้ผู้ผลิตอย่างบริษัท Delphi ได้ออกประกาศในปี พ.ศ. 2560 ว่าจะเริ่มแยกธุรกิจออกเป็นสองส่วน รวมไปถึงบริษัท Honeywell GKN Continental และ Autoliv ต่างก็ออกมาเปิดตัวกลยุทธ์ใหม่เพื่อตอบโจทย์ความท้าทายเหล่านี้เช่นกัน
5 เรื่องสำคัญของผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลกในปี พ.ศ. 2561 ได้แก่
1. ประเทศจีนจะประกาศยกเลิกการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันในปี พ.ศ. 2573 และตามมาด้วยประเทศเยอรมัน
ช่วงต้นเดือนกันยายน นาย Xin Guobin รัฐมนตรีช่วยว่าการอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน ได้กล่าวในงานสัมมนาด้านยานยนต์ในเมืองเทียนจินว่า ทางรัฐบาลกำลังยกเลิกการผลิตรถยนต์ใช้น้ำมันรวมถึงการขายน้ำมันด้วย โดยผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีนเชื่อว่าการยกเลิกครั้งนี้จะประกาศเริ่มใช้ในปีพ.ศ. 2573
นอกจากนี้ผู้บริหารกลุ่มบริษัท BAIC (หนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของจีน) กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทคือ การหยุดขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานจากน้ำมันในกรุงปักกิ่งให้ได้ภายในปี พ.ศ. 2563 รวมถึงการหยุดสายพานการผลิตทั้งหมดและการขายทั่วโลกในปี พ.ศ. 2568
คุณอาจจะได้เห็นประเทศเยอรมันเดินตามเจตนารมณ์เหล่านี้อย่างรวดเร็วด้วยการยกเลิกการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันและก้าวสู่ระบบไฟฟ้าเพื่อรักษาความเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีและปกป้องอุตสาหกรรมยานยนต์ของเยอรมัน
2. ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์จำนวนมากเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงตาม
เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ผู้ผลิตก็จะปรับสายการผลิตในผลิตภัณฑ์ของตนอย่างต่อเนื่องให้ไปไกลเกินกว่าผลิตภัณฑ์กลไกแบบเดิมๆ และขยายสู่ผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ตนเองก้าวสู่ตำแหน่งใหม่ในตลาดอนาคตได้
นอกจากนี้ผู้ผลิตส่วนใหญ่จะเดินตามผู้ผลิตรายใหญ่ชั้นนำ อย่าง Delphi Continental และ Autoliv ที่ได้ประกาศชัดในการเปลี่ยนแปลง อันเป็นผลมาจาก:
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่แตกต่างกันอย่างมากในสองกลุ่มธุรกิจ
ความหลากหลายในความต้องการทางการตลาดส่งผลให้เกิดการลงทุนเพื่อการเติบโตและนวัตกรรม
กลุ่มทักษะที่หลากหลายของบุคลากรทั่วทั้งองค์กร (ระดับผู้บริหาร วิศวกร พนักงานขาย พนักงานจัดซื้อ ซัพพลายเชนและผู้ผลิต)
อัตราการเติบโตของยอดยายที่แตกต่างในระยะใกล้และระยะยาวอาจจำกัดโดยลูกค้าหรือการประสานการดำเนินงานร่วมกัน
ผู้ถือหุ้นหลักอาจมีความแตกต่างกันขึ้นกับระยะเวลาและผลตอบแทนการลงทุน
ความคาดหวังจากความท้าทายเหล่านี้เป็นกลไกสำคัญในการก่อให้เกิดกระแสกระทบสู่บริษัท อย่างเช่นบริษัท Valeo ซึ่งมีผลิตภัณฑ์ทั้งชิ้นส่วนเครื่องยนต์กลไกและผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์
3. บริษัทหน้าใหม่ด้านเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทในการควบรวมกิจการ
จากการถือกำเนิดของรถยนต์ที่สามารถเชื่อมต่อและขับเคลื่อนอัตโนมัติได้ ผู้เล่นรายใหญ่ในอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ และบริษัทหน้าใหม่จากอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ เริ่มสนใจในอุตสาหกรรมยานยนต์เนื่องจากอัตราการเติบโตของตลาดที่น่าสนใจ
หลายบริษัทอย่าง LG Panasonic Samsung Toshiba Mitsubishi และ Hitachi ต่างนำความเชี่ยวชาญของตนในสายการผลิตแบตเตอรีลิเทียมไอออนที่มีกำลังการผลิตมหาศาลจากอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภคและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์มาใช้จึงช่วยให้พวกเขาสามารถขยายตลาดตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างสมบูรณ์แบบ
นอกจากนี้ ด้วยกลไกการตลาดแบบเดิมอาจสร้างการเติบโตได้มากกว่า 100 พันล้านดอลลาร์ในปี พ.ศ. 2573 และมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ของผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์โดยกลุ่มบริษัทด้านเทคโนโลโยที่เกิดขึ้นมากมายใน ปี พ.ศ. 2561 ดังเช่น ข่าวลือที่ว่า Samsung จะเข้าซื้อกิจการของ Magneti Marelli เป็นต้น
4. บริษัทหลักทรัพย์เอกชนจะมีบทบาทมากในการควบรวมกิจการของกลุ่มบริษัทระดับกลางในอุตสาหกรรมยานยนต์
เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก่อให้เกิดผลิตภัณฑ์และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ แก่ผู้ผลิตขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดย่อม ดังนั้นผู้ผลิตอาจขาดการเข้าถึงและไม่สามารถขยายตัวได้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงที่ซึ่งกลายเป็นข้อเสียในสภาพแวดล้อมของตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ได้ ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องเพิ่มการลงทุนและให้ความสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ
ด้วยข้อกำหนดมาตรฐานใหม่อย่าง IATF และ ISO รวมถึงแรงผลักดันที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงองค์กรสู๋ยุคดิจิตอล (ยุคอุตสาหกรรม 4.0) จะเพิ่มความท้าทายให้กับบริษัทเหล่านี้อย่างมาก ซึ่งบริษัทระดับกลางเหล่านี้จะขาดทรัพยากรที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในการแข่งขัน
เราอาจตั้งคำถามได้ว่าผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันขนาดกลางสามารถต่อกรกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างไร
ดังเช่นตัวอย่าง การประกาศยกเลิกการใช้รถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันและการก้าวสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจเช่นนี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องใช้การลงทุนและการพัฒนาความสามารถหลักและการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ยาวนานไปอีกหลายปีข้างหน้า ผู้ผลิตจำนวนมากที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้อาจถอนตัวและออกไปจากธุรกิจแทนที่จะเผชิญกับความเสี่ยงและความเปลี่ยนแปลง ด้วยสภาพแวดล้อมเช่นนี้ นักลงทุนที่มีแนวโน้มที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงจะไม่ใช่แค่เพียงนักลงทุนเชิงกลยุทธ์ แต่จะเพิ่มนักลงทุนทางการเงินอย่าง บริษัทหลักทรัพย์ เพิ่มมากขึ้นด้วย การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของผู้ผลิตระดับล่างอาจส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนรายใหญ่ (OEM) หรือผู้ผลิตอันดับต้นๆ (Tier 1) ที่จะสร้างสายพานการผลิต ความท้าทายในการประเมินและการวางแผนกำลังการผลิต ทุกครั้งที่บริษัทเล็กๆ เหล่านี้ถอนตัวออกไป
5. นักลงทุนเข้าไปมีส่วนร่วมกับผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างใกล้ชิดมากขึ้น
ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2559 นักวิเคราะห์ตลาดได้เริ่มลดการให้น้ำหนักความสำคัญระยะยาวในกลุ่มผู้ผลิตชั้นนำระดับโลกที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันจำนวนมากเนื่องจากผู้ผลิตยานยนต์กำลังเผชิญหน้ากับแรงกดดันอย่างมากในการเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนหลักจากรถยนต์เชื้อเพลิงน้ำมันสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ แน่นอนว่าความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้นภายในชั่วข้ามคืน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะสร้างความเสี่ยงอย่างมหาศาลต่อผู้ผลิตที่อยู่ในสายซัพพลายเชน ดังนั้นการทำความเข้าใจเพื่อก้าวนำหน้าคู่แข่งคือความท้าทายอย่างมาก และมีผู้ผลิตบางรายที่จะเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของตนเอง เพื่อตอบโจทย์สิ่งที่นักลงทุนเป็นกังวล
ในขณะที่ผู้ผลิตรายอื่นๆ อาจยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนแปลงในเชิงกลยุทธ์ รวมถึงผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ระดับต้นๆ 100 ราย กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนเริ่มเข้ามาดำเนินการด้วยตนเองมากขึ้น เพื่อคาดหวังการปลดล็อกและเพิ่มมูลค่าหุ้น
ดังนั้นในภาพรวมแล้วเราจะเห็นชัดเจนว่าในสายพานการผลิตของอุตสาหกรรมยานยนต์กำลังเป็นที่ท้าทายมากขึ้นและในปี พ.ศ. 2561 นี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดมากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ในตลอด 50 ปีที่ผ่านมาอีกด้วย
QAD พร้อมที่จะให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและช่วยให้คุณลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ยินดีให้คำปรึกษาโดยที่ปรึกษามืออาชีพ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: คุณ ฐายิกา กงไกรลาศ (Business Development Representative) โทร : 02-202-9375 อีเมล์ : t7k@qad.com