เมื่อไม่นานมานี้มีแนวโน้มที่อาจส่งผลต่อผู้ผลิตด้านอาหารและเครื่องดื่มอย่างจริงจังในด้านของการถูก Disrupt จากผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคมองเห็นถึงการบริโภคสินค้าที่สามารถช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่นและสร้างรายได้สู่เกษตรกรได้อย่างยั่งยืน แต่ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นนั้นที่แท้จริงนั้นคืออะไร?
“ ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น (Locally grown)” คืออะไร ?
ผลิตภัณฑ์ที่มีการติดฉลาก "Local" นั้นอาจไม่ได้มีการควบคุมหรือตรวจสอบโดยหน่วยงานกำกับดูแลอย่างถูกต้อง ดังนั้นความหมายบนฉลากอาจทำให้ผู้บริโภคเกิดความสับสน แม้ว่าเมื่อผลิตภัณฑ์อาหารหรือเครื่องดื่มถูกระบุว่าเป็น "ผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น" ตัวอย่างเช่น ฉลากอาหารในร้านค้าในนิวยอร์ก สหรัฐฯ อาจระบุว่า "New York State Grown and Certified" ในขณะที่ผลิตภัณฑ์นี้ถูกปลูกนอกพื้นที่และถูกนำไปจำหน่ายใน Yorktown Heights ซึ่งอยู่ห่างออกไปมากกว่า 150 ไมล์ โดยปราศจากการตรวจสอบใดๆ
โดยทั่วไปแล้ว ความเข้าใจของผู้บริโภคต่อสินค้าที่ผลิตในท้องถิ่น (Locally grown)มักถูกเข้าใจว่าเป็นผลไม้ ผัก ผลิตภัณฑ์นม และเนื้อสัตว์ที่เลี้ยงและปลูกในชุมชนนั้นๆ หรือแม้กระทั่งการผลิตเบียร์ก็มีการผลักดันสโลแกน "locally grown" แต่อย่างไรก็ตามมีแนวโน้มการผลิตอาหารสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งเกิดโรงงานผลิตรายเล็กๆ จำนวนมากในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ เนื่องจากกลุ่มผู้ผลิตมองเห็นแนวทางการผลิตสินค้าอาหารเหล่านี้
มุมมองทั่วไปของผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น (Locally grown) คืออะไร ?
กระบวนการ “Locally grown” ได้รับแรงผลักดันมาจากการเข้าใจว่าอาหารที่ปลูกในท้องถิ่นมีความสดใหม่ มีอายุที่ยาวนานกว่าผลิตภัณฑ์อื่นๆ รวมถึงช่วยสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร และการบริโภค Locally grown ไม่จำเป็นต้องเดินทางไกลเพื่อไปยังร้านค้า แต่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ที่ดี ปลอดภัย และมีคุณภาพสูงได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ลูกค้ายังมีส่วนร่วมในการส่งเสริมธุรกิจท้องถิ่น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคควรศึกษาเกี่ยวกับรายละเอียดและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มให้เข้าใจแหล่งที่มาให้ชัดเจน ได้แก่
นอกจากนี้สิ่งสำคัญที่ผู้ผลิตอาหารจะต้องคำนึงถึงก่อนจัดจำหน่ายแก่ผู้บริโภค คือการดูแลความเสี่ยงของการปนเปื้อนอาหารและการเรียกคืนอาหาร สิ่งเหล่านี้ยังเป็นอันตรายต่อกระบวนการผลิตเป็นอย่างมาก
อาหารที่ปลูกในท้องถิ่น (Locally Grown Food) นั้นดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ?
การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainability) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่โรงงานและผู้ผลิตต้องคำนึงถึง และการนำผลิตภัณฑ์อาหารมาจากฟาร์มท้องถิ่น, ชาวสวน, พ่อค้า หรือผู้ผลิตที่สนับสนุนการพัฒนาสิ่งแวดล้อม จะช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจจำนวนมาก
การเข้าแทรกแซง (Disrupting) ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มขนาดใหญ่
ในขณะที่แนวโน้มนี้กำลังสร้างโอกาสในระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาคทั่วสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของผู้ผลิตแบรนด์ขนาดใหญ่และผู้ผลิตอาหารข้ามชาตินั้น มียอดขายลดต่ำลง เนื่องจากแนวโน้มการซื้อสินค้าท้องถิ่น เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้จึงทำให้เกิดการหยุดชะงักของอุตสาหกรรม รวมถึงห่วงโซ่อาหาร จนกระทั่งเมื่อยอดขายและผลกำไรลดลงเรื่อยๆ ผู้ผลิตเหล่านี้จึงจะต้องคิดหากลยุทธ์ใหม่เพื่อเพิ่มกำไรและคืนเงินที่เสียไปบางส่วน
การตอบกลับของผู้ผลิตรายใหญ่
ขณะที่แนวโน้ม “Locally grown” เติบโตขึ้นและการใช้จ่ายเงินของผู้บริโภคก็เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่มีกลยุทธ์ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยการร่างกลยุทธ์และเข้าสู่การแข่งขันโดยการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในการผลิตสินค้าเช่นเดียวกับคู่แข่ง หรือ "Buying local" นี่คือกลยุทธ์บางประการที่ควรพิจารณา:
1. SKU ของผลิตภัณฑ์ในระดับภูมิภาค
ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่หลายรายพยายามคว้าโอกาสเหนือคู่แข่งเพื่อการขายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของตนเอง เช่น ผู้ผลิตพิมพ์กล่องผลิตภัณฑ์อาหารในเมือง Milford ทำการผลิต Cereal แครนเบอร์รี่ โดยพิมพ์ข้างกล่องว่า แครนเบอร์รี่ “New England Grown” ซึ่งทำให้ลูกค้าสนใจที่จะซื้อผลิตภัณฑ์นี้มากกว่าแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ได้ระบุว่าเป็นผลผลิตจากท้องถิ่นนั้นๆ
2. การนำวัตถุดิบท้องถิ่นมาผลิตสินค้า
ผู้ผลิตหลายรายกำลังมองหาพื้นที่ที่มีการปลูกวัตถุดิบเพื่อเพิ่มความสะดวก และลดต้นทุนด้านต่างๆ ซึ่งนี่คือสิ่งที่จะทำให้ผู้ผลิตกลุ่มนี้สามารถก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ผลิตท้องถิ่นไปโดยปริยาย
3. กลุ่มผู้ผลิตรายย่อยและโรงงานบรรจุ
โรงงานและผู้ผลิตรายใหญ่สามารถแข่งขันได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เนื่องจากมีโรงงานอยู่แล้ว เพียงแต่ต้องขยายการผลิตไปสู่กลุ่มผู้ผลิตรายย่อยหรือโรงงานบรรจุ การนำวัตถุดิบและส่วนผสมที่ปลูกในภูมิภาคมาส่งต่อให้กับผู้ผลิตรายย่อยเหล่านี้จะทำให้พวกเขากลายเป็นผู้นำในท้องถิ่นที่มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าน้อยที่สุด
4. การควบรวมกิจการ
เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่บริษัทขนาดใหญ่ใช้กันมานาน นั่นคือกลยุทธ์ที่ว่า “if we can’t beat them, buy them!” ถ้าไม่สามารถเอาชนะได้ ก็ต้องเป็นส่วนหนึ่งในธุรกิจ หรือก็คือการรวมและซื้อกิจการ ทั้งนี้บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งได้ทำการค้นหาฟาร์มในท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อซื้อหรือไม่ก็ร่วมมือกับชาวสวนในท้องถิ่นและผู้ผลิตในภูมิภาคนั้นๆ เพื่อแสดงความสนใจที่จะรับซื้อชิ้นส่วนของท้องถิ่นไปผลิตต่อ
5. ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มต้องรวดเร็วว่องไว และมีประสิทธิภาพ (Rapid, Agile and Effective)
แนวโน้มของ "Buying local" ดูเหมือนจะเป็นมากกว่าแฟชั่นที่มาไวไปไว แต่มันเป็นแนวคิดเริ่มต้นของกลุ่มการผลิตภัณฑ์อาหาร และเมื่อแนวคิดนี้ถูกพัฒนาเติบโตอย่างต่อเนื่อง สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ผลิตรายเล็กหรือรายใหญ่ที่พยายามแข่งขันในพื้นที่นี้ คุณจะต้องมีกระบวนการทางธุรกิจและระบบที่มีประสิทธิภาพในการปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
ความต้องการผลิตภัณฑ์เหล่านี้เพิ่มขึ้น ซึ่งเมื่อมีคู่แข่งในตลาดเป็นจำนวนมาก ผู้ผลิตเหล่านี้จึงต้องมีกระบวนการทางธุรกิจและระบบ ERP ที่ดีเพื่อปรับให้เข้ากับตลาด เมื่อจัดการกับผลิตภัณฑ์ที่มาจากท้องถิ่นแล้ว จะมีการเปลี่ยนแปลงใหม่และที่ต้องให้พัฒนาอยู่เสมอ ผู้ผลิตที่จะประสบความสำเร็จในตลาด "Buying local" จะเป็นผู้ที่มีความคล่องตัวมีประสิทธิภาพและรวดเร็วในการตอบสนองต่อแรงกดดันทางการตลาด โดยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงรวมกับวิธีปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรมที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว
การใช้โซลูชัน Adaptive ERP จะสามารถควมคุมประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นได้อย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการที่คล่องตัว การดูแลค่าใช้จ่าย ลดต้นทุนของการเรียกคืนสินค้า และนี่เป็นสิ่งที่จะช่วยให้โรงงานผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มเติบโตในตลาดได้อย่างยั่งยืน
ผู้เขียน
Stephen Dombroski
สตีฟเป็นผู้จัดการอาวุโสของ QAD ในตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคและอาหารและเครื่องดื่ม เขามีประสบการณ์มากกว่า 30 ปีในด้านการผลิตและซัพพลายเชน ช่วยให้บริษัทหลายแห่งในอุตสาหกรรมหลายแห่งสามารถใช้แนวคิดและกระบวนการของ S&OP อย่างมีประสิทธิภาพ
แหล่งที่มา
https://blog.qad.com/2019/12/how-locally-grown-products-are-disrupting-fb-manufacturing/