ช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา บริษัท QAD ได้ดำเนินการภารกิจในการเปลี่ยนแปลงหลักการและชื่อเสียงของซอฟต์แวร์ ERP จนกระทั่งปัจจุบันบริษัท QAD มีแพลตฟอร์มที่พร้อมให้บริการและรองรับกับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตแล้ว
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ดังเช่น ในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม มีการเปลี่ยนแปลงด้านความต้องการของผู้บริโภครายใหม่ การเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานตลอดจนกฎระเบียบด้านความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมต่างๆที่ธุรกิจต่างต้องปฏิบัติตาม หรือในอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์เพื่อชีวิต (life sciences) ก็มีการควบคุมคุณภาพและเอกสารด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย การเพิ่มแรงกดดันทางด้านต้นทุนและการย้ายไปใช้วิธีการผลิตใหม่ๆ เช่น การใช้เซลล์บำบัด (Cell Therapy) หรือเทคนิคการประมวลผลอย่างต่อเนื่องที่เพิ่มประสิทธิภาพให้กับการรักษา Clinical Practice Guidelines (CPG) กำลังรับมือกับ Amazon effect ซึ่งหมายถึง พวกเขากำลังสร้างช่องทางธุรกิจออนไลน์อย่าง E-Commerce ในขณะเดียวกันผู้ผลิตยานยนต์ก็กำลังคิดหาวิธีการออกแบบยานพาหนะที่ชาญฉลาดและราคาไม่แพง
มันไม่สำคัญว่าคุณจะอยู่อุตสาหกรรมอะไร เพราะแบบแผนธุรกิจต่างก็มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่า สถาปัตยกรรมและแอพพลิเคชันทางเทคโนโลยีที่สนับสนุนการดำเนินงานด้านการผลิตและแอพพลิเคชันระดับองค์กรต้องสามารถเปลี่ยนแปลงและปรับตามความต้องการของธุรกิจได้เช่นกัน เราใช้เวลามากมายในการศึกษาอุตสาหกรรมแนวตั้งและเป็นที่ชัดเจนว่าวิธีที่พวกเขาทำธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาผลิต รวมถึงเป้าหมายผู้บริโภคต่างมีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วกว่าเมื่อก่อน” กล่าวโดยคุณคาร์เตอร์ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด จากบริษัท QAD ซึ่งเป็น บริษัทซอฟต์แวร์ระบบวางแผนจัดการทรัพยากรองค์กร (ERP)
"เมื่อเรามองย้อนกลับไปดูประวัติความเป็นมาของแอพพลิเคชั่นระดับองค์กรแล้ว มันก็ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้" และนั่นก็ไม่ได้สะท้อนถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบัน ดังนั้นมันอาจจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป คุณคาร์เตอร์ กล่าวต่อ “ระบบจะใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก่อนที่จะออกจากการเชื่อมต่อระหว่างสิ่งที่ได้รับการออกแบบและสิ่งที่จำเป็น"
ด้วยความเข้าใจที่ว่า ERP ต้องมีวิวัฒนาการเพื่อสนับสนุนธุรกิจในอนาคตได้ QAD จึงตั้งเป้าหมายในภารกิจเพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ ERP ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่าน ในสาระสำคัญ สิ่งที่พวกเขาพัฒนาขึ้นในช่วงเวลานั้นคือ " ERP ที่ง่ายต่อการนำไปใช้งาน" โปรเจค "Channel Islands" ได้ถูกพัฒนาขึ้นในปี พ.ศ. 2557 และได้รับการเผยแพร่ออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งในแต่ละระยะนั้นก็มีลักษณะเฉพาะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ถูกเปิดตัวในปีพ. ศ. 2558 ได้รวมการเขียนสถาปัตยกรรมต้นแบบใหม่ทั้งหมดโดยการใช้ อินเตอร์เฟซโปรแกรมประยุกต์ (APIs) ตรรกะทางธุรกิจพื้นฐานของแพลตฟอร์ม ERP ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงแต่ได้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการนำเสนอ ด้วยการเพิ่มความยืดหยุ่นในการโต้ตอบและเชื่อมต่อกับ 3rd party ซอฟต์แวร์มากขึ้น
ในปีพ.ศ. 2559 บริษัทได้เปิดตัวระยะที่ 2 ที่มาพร้อมกับการนำเสนอกรอบการทำงานร่วมกันของ หน้าจอแสดงผลข้อมูลและระบบวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ ที่จะช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจบนพื้นฐานความเป็นจริง ในส่วนของประสบการณ์การของผู้ใช้งานใหม่ (UX) จะได้พบกับข้อมูลเชิงลึกตามสถานการณ์ต่างๆซึ่งจะช่วยให้ผู้ตัดสินใจรู้โดยอัตโนมัติว่าอะไรคือสิ่งสำคัญและดึงความสนใจของเขาไปที่หน้าจอประมวลผล
และเมื่อปีที่แล้ว QAD ได้เปิดตัวโปรเจคระยะที่ 3 ซึ่งเน้นไปที่การใช้งานและความคล่องตัว นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเชิงลึกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมและความสามารถในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance) ที่ต้องสอดคล้องกับกฎระเบียบของประเทศและท้องถิ่นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการรายงานทางการเงินและการเก็บภาษี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บริษัท QAD ได้ทำการทดสอบแอพพลิเคชันระดับองค์กรกับผู้ใช้งานในช่วงต้นและเพิ่มฟังก์ชันการทำงานไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งนับได้ว่าเป็นการแสดงให้เห็นถึงยุคใหม่ของ ERP ก็ว่าได้
และในเดือนที่ผ่านมาบริษัท QAD ได้ประกาศเปิดตัว QAD Cloud ERP เวอร์ชันล่าสุดที่รวบรวบความพร้อมใช้งานทั่วไปของโปรเจค Channel Islands สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ QAD Cloud ERP ได้มีการปรับปรุงการวิเคราะห์แบบฝังตัวการจัดการลูกค้าและบริการการเงิน การจัดการสินทรัพย์และซัพพลายเชน
ตามที่คุณคาร์เตอร์ได้กล่าวไว้ข้างต้นว่า ได้มีการออกแบบเวอร์ชั่นใหม่นี้ให้ผู้ใช้งานสามารถอัพเกรดฟังก์ชั่นการทำงานได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มความสามารถในการตั้งค่าเหตุการณ์ที่กระตุ้นการทำงานของชุดคำสั่ง และยังขยายโมดูลธุรกิจในสภาพแวดล้อมแบบ “low code” คุณคาร์เตอร์ยังกล่าวต่ออีกว่า “คุณไม่จำเป็นต้องจ้างนักพัฒนาซอฟท์แวร์เพื่อทำการเปลี่ยนแปลงซอฟท์แวร์ มันจะไม่ใช่ใช่การมุ่งแต่เรื่องปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการ แต่จะเป็นการขยายขีดความสามารถ ไม่ยึดติดอีกต่อไป”
นอกจากนี้การวิเคราะห์แบบฝังตัวยังเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการสนับสนุนรูปแบบธุรกิจที่เน้นการให้บริการซึ่งลูกค้ากำลังจะก้าวไปข้างหน้า คุณคาร์เตอร์ ได้เล่าถึงเรื่องราวของลูกค้า QAD รายหนึ่งที่ขายอุปกรณ์สำหรับทอดอาหารให้กับเชนฟาสต์ฟู๊ดขนาดใหญ่ซึ่งมุ่งเน้นไปที่ความสามารถในการทอดอาหารเพียงอย่างเดียว เป็นผลให้เชนร้านอาหารต่างๆออกมากดดันผู้ขายอุปกรณ์สำหรับทอด เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์ของตนจะไม่เจอกับปัญหาการหยุดชะงักทำงานใดๆ
จากสถานการณ์ดังกล่าวเทคโนโลยีของ QAD จึงได้เข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนด้วยแนวคิดของคอนเซป digital twin ที่สามารถให้บริการรูปแบบการบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ได้ คุณคาร์เตอร์ กล่าวว่า "ในอนาคตสิ่งใดก็ตามที่เป็นบริการจะกลายเป็นรูปแบบธุรกิจที่ก่อกวนที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตลาดจำนวนมาก” และจะมีประเด็นอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งจะนำไปสู่สมการทางธุรกิจเช่น หน้าร้านที่ให้บริการด้วยตนเองและการออกใบแจ้งหนี้อิเล็กทรอนิกส์ (e-invoicing) ระหว่างคู่ค้าและลูกค้าตลอดจนวิธีการย้ายใบแจ้งหนี้ไปเป็นแบบกระบวนการทาง digital นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มอื่น ๆ เช่นค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น การออกแบบร่วมกัน และการเปลี่ยนแปลงในภูมิทัศน์ค้าปลีกซึ่งจะทำให้เกิดการหยุดชะงักทางธุรกิจมากขึ้นด้วย
ERP ในอดีตไม่สามารถจัดการกับสิ่งที่จะเกิดในอนาคตได้ แต่ แพลตฟอร์ม ERP ใหม่ของ QADสามารถทำได้ "ในยุคของการหยุดชะงักและการเปลี่ยนแปลงทาง digital ความยืดหยุ่นของ QAD Cloud ERP จะช่วยให้ผู้ผลิตสามารถตอบสนองต่อสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว" คุณ บิล คีส รองกรรมการผู้จัดการด้านการวิจัยและพัฒนากล่าว
QAD พร้อมที่จะให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีและช่วยให้คุณลงทุนด้านเทคโนโลยีอย่างมีประสิทธิภาพ ยินดีให้คำปรึกษาโดยที่ปรึกษามืออาชีพ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ: คุณ ฐายิกา กงไกรลาศ (Business Development Representative) โทร : 02-202-9375 อีเมล์ : t7k@qad.com